วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปบทเรียนรายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ วัน เสาร์ ที่ 19 กันยายน 2558

ในวัน เสาร์ ที่19 กันยายน 2558 มีการนำเสนอระบบการสอน 4 ระบบ ต่อไปนี้

               1. ระบบการเรียนการสอนของคลอสเมียร์และริปเปิล (Klausmeier & Ripple Model)
               2. ระบบการเรียนการสอนของนิร์ค และเยนตรี (Knirk; & Gentry. 1971) 
               3. การเรียนการสอนของซีลสและกลาสโกว (Seels & Glasgow Model)
               4. ระบบการเรียนการสอนของ(Robert  Gange  Model)



1. คลอสเมียร์ และริปเปิล (Klausmeier; & Ripple. 1971: 11) ได้กำหนดองค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนไว้ 7 ส่วน คือ
                   1) การกำหนดจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน 
คือ จุดที่ต้องพยายามไปให้ถึงเป็นสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต เป็นเครื่องบอกทิศทางให้ผู้ทำงานอย่างหนึ่งพยายามไปให้ถึงจุดนั้น  เปรียบเสมือนผู้กำหนดทิศทาง ดังนั้นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาจึงเป็นการกำหนดทิศทางของกิจกรรมทางการศึกษาให้ได้ดังที่พึงประสงค์ไว้  
                  2) การพิจารณาความพร้อมของผู้เรียน 
การสังเกตความพร้อมของผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้เรียนว่าจะมีความสนใจและพร้อมในการเรียนรู้ของหลักวิชานั้นๆ
                 3) การจัดเนื้อหาวิชา วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ 
ความตั้งใจของนักเรียนและครู ครูต้องเตรียมการสอนล่วงหน้า ทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ใบงาน ใบความรู้และกิจกรรมเสริม ตามที่คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมกำหนด รวมทั้งมอบหมายงานให้นักเรียนเตรียมพร้อมในการเรียนครั้งต่อไป
                4) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเกิดขึ้นจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า การจัดการศึกษามีเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ การจัดการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาตนเองสูงสุด  ตามกำลังหรือศักยภาพของแต่ละคน แต่เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความต้องการ ความสนใจ ความถนัด และยังมีทักษะพื้นฐานอันเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการเรียนรู้ อันได้แก่ ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ความสามารถทางสมอง ระดับสติปัญญา และการแสดงผลของการเรียนรู้ออกมาในลักษณะที่ต่างกัน จึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในลักษณะที่แตกต่างกัน ตามเหตุปัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในกลไกของการจัดการนี้คือ ครู แต่จากข้อมูลอันเป็นปัญหาวิกฤตทางการศึกษา และวิกฤตของผู้เรียนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ครูยังแสดงบทบาทและทำหน้าที่ของตนเองไม่เหมาะสม จึงต้องทบทวนทำความเข้าใจ  ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการศึกษาและวิกฤตของผู้เรียนต่อไป

              5) การดำเนินการสอน เป็นการเรียนการสอนที่ผู้เรียนมีการเรียนรู้จากการสร้างสิ่งที่มีความหมายกับตนเอง ผู้สอนจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ดำเนินกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองโดยการลงมือปฏิบัติหรือสร้างงานที่ตนเองสนใจ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้สัมผัสและแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชิกในกลุ่มดังนั้นการสอนลักษณะนี้จะเน้นการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
        6) การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน การวัดผลการ (Measurement) หมายถึง กระบวนการหาปริมาณ หรือจำนวนของสิ่งต่างๆโดยใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่ง ผลจากการวัดจะออกมาเป็นตัวเลข หรือสัญลักษณ์ เช่น นายแดงสูง 180 ซม. (เครื่องมือ คือ ที่วัดส่วนสูง) วัตถุชิ้นนี้หนัก 2 ก.ก (เครื่องมือ คือ เครื่องชั่ง)
            การทดสอบการศึกษา หมายถึง กระบวนการวัดผลอย่างหนึ่งที่กระทำอย่างมีระบบเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบความสามารถของบุคคล โดยใช้ข้อสอบหรือคำถามไปกระตุ้นให้สมองแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาการประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การตัดสิน หรือวินิจฉัยสิ่งต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดผลเช่น ผลจากการวัดความสูงของนายแดงได้ 180 ซม. ก็อาจประเมินว่าเป็นคนที่สูงมาก ผลจากการชั่งน้ำหนักของวัตถุชิ้นหนึ่งได้ 2 ก.ก ก็อาจจะประเมินว่าหนัก - เบา หรือ เอา- ไม่เอา
              7) สัมฤทธิ์ผลของนักเรียน ผลที่เกิดจากกระบวนการเรียนการสอนที่จะทำให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และสามารถวัดได้โดยการแสดงออกมาทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะพิสัย

องค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนของคลอสเมียร์และริปเปิล แสดงดังภาพประกอบ 

2. ระบบการเรียนการสอนของนิร์ค และเยนตรี (Knirk; & Gentry. 1971) 


ได้กำหนดองค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนเป็น 6 ส่วน คือ


             1. การกำหนดเป้าหมาย เป็นการกำหนดเป้าหมายของการสอนไว้อย่างกว้าง ๆ
             2. การวิเคราะห์กิจกรรม เป็นการวิเคราะห์งานต่าง ๆ ที่จะต้องทำโดยการย่อยเป้าหมายของการสอนออกเป็นจุดประสงค์ของการสอนเพื่อให้มีความละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น
             3. การกำหนดกิจกรรม เป็นการกำหนดกิจกรรมให้เป็นหมวดหมู่ และเลือกเอาเฉพาะกิจกรรมที่มีความเหมาะสมที่สุด
            4. การดำเนินการสอน เป็นขั้นของการนำเอาแผนการที่วางไว้ไปสอนในชั้นเรียน ผู้สอนจำเป็นต้องควบคุมการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
            5. การประเมินผล เป็นการประเมินผลการดำเนินงานทั้งหมดของระบบ เพื่อให้ทราบจุดดีและจุดอ่อนที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข
            6. การปรับปรุงแก้ไข เป็นขั้นของการนำข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลไปแก้ไขจุดอ่อนของระบบการเรียนการสอนเพื่อจะทำให้เป็นระบบการเรียนการสอนที่มีความเหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนของเนิร์คและเยนตรี แสดงดังภาพประกอบ 1



3. การเรียนการสอนของซีลสและกลาสโกว (Seels & Glasgow Model)

ซีลส และกลาสโกว (Seels; & Glasgow. 1990) ไดเสนอการจัดระบบการเรียน
การสอน โดยมีขั้นตอนดังนี้
             1. การวิเคราะหปญหา (Problem Analysis) เปนการพิจารณาวาเกิดปญหาอะไร
ในการเรียนการสอนโดยผานการรวบรวมและเทคนิคการประเมินและระบุสิ่งที่เปนปญหา
             2. วิเคราะหการสอนและกิจกรรม (Task and Instructional Analysis) เปนการ
รวบรวมขอมูลและวิเคราะหขอกําหนดดานเจตคติเพื่อกําหนดสิ่งที่ไดเรียนมากอน
             3. การกําหนดวัตถุประสงคและแบบทดสอบ (Objective and Tests) เปนการ
กําหนดวัตถุประสงคเชิงพฤติกรรมและแบบทดสอบอิงเกณฑ
            4. กลยุทธการเรียนการสอน (Instructional Strategy) เปนการตัดสินใจเกี่ยวกับ
กลยุทธและองคประกอบดานการเรียนการสอน
            5. การตัดสินใจเลือกสื่อการสอน (Media Decision) เปนการเลือกสื่อการเรียน
การสอนและวิธีการใชเพื่อทําใหการเรียนการสอนบรรลุผล
           6. การพัฒนาการสอน (Materials Development) เปนการวางแผนสําหรับ
ผลผลิต การพัฒนาวัสดุ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใชในการเรียนการสอน
           7. การประเมินผลยอยระหวางเรียน (Formative Evaluation) เปนการ
ประเมินผลเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน รวบรวมขอมูล และตรวจสอบพัฒนาการของผูเรียน
           8. การนําไปใชและบํารุงรักษา (Implementation Maintenance) เปนการ
นําไปใชเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
           9. การประเมินผลรวมภายหลังการเรียน (Summative Evaluation) เปนการ
พิจารณาประเมินผลวาผานเกณฑที่กําหนดหรือไม
          10. การเผยแพรและขยายผล (Dissemination Diffusion) เปนขั้นของการจัดการ
ใหมีการเผยแพร ขยายผลนวัตกรรมการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น
องคประกอบของระบบการเรียนการสอนของซีลสและกลาสโกว 

แสดงดังภาพประกอบ 1


 4. ระบบการเรียนการสอนของ(Robert  Gange  Model)
    โรเบิร์ต กาเย่ (Robert Gange') ได้นำเอาแนวแนวความคิด 9 ประการ มาใช้ประกอบการออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้บทเรียนที่เกิดจากการออกแบบในลักษณะการเรียนการสอนจริง โดยยึดหลักการนำเสนอเนื้อหาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ หลักการสอนทั้ง 9 ประการได้แก่ 

              1. เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention)
              2. บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective)
              3. ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knoeledge)
              4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information)
              5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)
              6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response)
              7. ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback)
              8. ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess Performance)
              9. สรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer)







[ นางสาวพรรณทิพย์  ปากดี  รหัส 58723713217 หมู่ 2 ]









วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปบทเรียน รายวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา วันที่ 5 กันยายน 2558 สอนโดย อาจารย์ภัทรดร จั้นวันดี

OBE (Outcome Based Education) 

OBE (Outcome Based Education) คือ ผลจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เป็น การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน (Activity-based Learning)


Concept Idea


- ใช้ผลการเรียนรู้เป็นตัวกำหนดกระบวนการที่เหมาะสมในการพัฒนานักเรียน
- กระบวนการ/Process (How to?) ถือว่า เป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ
- การผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับการกำหนด LO (Learning Objective)

 ลักษณะการเรียนรู้ ที่ สพฐ. กำหนดให้มี 3 ด้าน
- พุทธิพิสัย
- จิตพิสัย
- ทักษะพิสัย


สมรรถนะ 5 ด้าน ที่ต้องประเมิน


- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา


Thinking Development
- Analyze Thinking การคิดวิเคราะห์
- System Thinking การคิดแบบเป็นระบบ
- Critical Thinking การคิดสังเคราะห์
- Reflextive Thinking การปฏิสัมพันธ์
- Logical Thinking การคิดเชิงตรรกะ เชิงตัวเลข
- Analogical Thinking การคิดแบบมีเหตุผล
- Practical Thinking  การคิดแบบลงมือปฏิบัติ
- Deliberative Thinking  การคิดแบบบูรณาการ
- Creative Thinking  ทักษะการคิด
- Team Thinking  การคิดแบบเป็นทีม



World is changing very fast

- โลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งการแข่งขัน
- ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม จึงต้องหาเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ
- ในอดีตเราได้ยินคำว่า " ปลาใหญ่กินปลาเล็ก Big beats small "
- เวลาเปลี่ยนโลกเปลี่ยน ควรตระหนักถึงคำว่าคิดให้เร็ว ทำให้ช้า Big beats slow "


ทักษะที่สำคัญใน ศตวรรษที่ 21
     1 ทักษะการเรียน
        - นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ 
        - การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา
        - การสื่อสารและการร่วมมือกัน

     2 ทักษะการใช้สื่อและเทคโนโลยี
        - การอ่านออกเขียนได้ด้านข้อมูลข่าวสาร สื่อ และ ICT

     3 ทักษะการใช้ชีวิต
       - ทักษะที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ ริเริ่มและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง 
       - ทักษะทางสังคมและก้าวข้ามวัฒนธรรม 
       - มีความรับผิดชอบ 
       - สามารถผลิตสร้างสรรค์งานได้ 

การเข้าใจ
     ปัจจัยสู่ความสำเร็จสู่กระบวนการเรียนรู้
         - Interest  ความสนใจของนักเรียน
         - Intention  ความตั้งใจของนักเรียนและคุณครู
         - Teaching  วิธีการสอนของคุณครู
         - Aptitude  ความสามารถของนักเรียน
         - Experience  ประสบการณ์สอนของครู
         - Reponsibility  ความรับผิดชอบของครู
         - Difficulty  ความยากง่ายของวิชา



การเข้าถึง
     - ผู้สอนต้องเข้าถึงผู้เรียน
     - ผู้สอนต้องมีวิทยาการสอน
     - ต้องเข้าใจลักษณะเด็กสมัยใหม่




พัฒนา
     - สอนเป็น นำเสนอเนื้อหาเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน
     - ใช้และใฝ่หาเทคนิคเพื่อกระตุ้นผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอ
     - มีความคิดสร้างสรรค์
     - ประเมินตนเอง



Maslow’s Hierarchy of needs


กาลามสูตร

กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
  1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
  2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
  3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
  4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
  5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
  6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
  7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
  8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
  9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
  10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)


นางสาวพรรณทิพย์  ปากดี รหัส 58723713217